สนทนากับพอล แมกคาร์ตนีย์

สนทนากับพอล แมกคาร์ตนีย์

สนทนากับพอล แมกคาร์ตนีย์

ไม่ต้องถึงกับ “Eight Days a Week”* หรอก พอล แมก คาร์ตนีย์ขอแค่วันเดียวก็พอ

ซูซาน โกลด์เบิร์ก: สิ่งหนึ่งที่ฉันคิดว่าการรณรงค์ “วันจันทร์งดเนื้อ” (Meat Free Monday) ของคุณน่าสนใจคือในสัปดาห์หนึ่งคุณขอแค่วันเดียว ทำไมถึงขอแค่นั้นคะ

พอล แมกคาร์ตนีย์: ผมคิดว่าถ้าคุณบอกใคร ๆ ว่า “ผมเป็นมังสวิรัติ ผมว่ามันสุดยอดผมกินแบบนี้มา 40 ปีแล้ว คุณควรเป็นมังสวิรัติได้แล้วนะ” ผมว่าน่าจะมากเกินไปสำหรับผู้ฟังเพราะเขาหรือเธอต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตทั้งหมด สิ่งที่เราพบก็คือ ถ้าบอกว่า“ลองดูสักวันสิ” พวกเขาน่าจะทำได้และอยากทำด้วย แล้วบางคนก็พบว่า “มันดีนะ” หรือ “ฉันอาจลองทำอีกสักสองวัน” ผมไม่คิดว่าคุณจะเริ่มเรื่องนี้ด้วยไม้แข็งนะ คุณต้องนุ่มนวลครับ

 

โกลด์เบิร์ก: คุณเป็นมังสวิรัติมานานแล้วใช่ไหมคะ

แมกคาร์ตนีย์: ครับ หลายปีมาแล้ว ลินดา (ภรรยาผู้ล่วงลับ) กับผมเคยอยู่ที่ฟาร์มและแกะของเราก็กำลังมีลูก เป็นช่วงเวลาที่งดงามของชีวิต แต่แล้วมื้อหนึ่งอาหารของเขาเกิดเป็นขาลูกแกะ ตอนนั้นเราทั้งคู่ยังไม่ได้เป็นมังสวิรัติ เราจึงเห็นถึงความเชื่อมโยง เราคุยกันว่า “ลองไม่ดินเนื้อกันดูไหม” แล้วเราก็ทำอย่างนั้น และไม่เคยกลับไปหวนคิดถึงมันอีกเลย มันแค่เป็นความเมตตากรณุาต่อลูกแกะเหล่านั้นซึ่งมีชีวิตแค่เดือนแรกและเร็วเกินไปที่จะจบชีวิตลง มันไม่น่าถูกต้องนะครับ

 

โกลด์เบิร์ก: มันเปลี่ยนชีวิตคุณยังไงหรือคะ

แมกคาร์ตนีย์: ผมรู้สึกว่าสุขภาพดีมากเล่นคอนเสิร์ตได้สามชั่วโมงรวดและไม่รู้สึกหมดแรงตอนจบ ผมยังมีแรงอยู่ ผมคิดว่าเป็นผลอย่างหนึ่ง แต่เมื่อไม่นานมานี้ ใคร ๆ ก็เริ่มเปรียบเทียบระหว่างก๊าซเรือนกระจกกับปริมาณปศุสัตว์ที่มีมากเกินไป มันไม่ได้เลวร้ายหรอก ถ้าหากมีฟาร์มแค่สักแห่งสองแห่ง แต่นี่มีเป็นล้าน ๆ ฟาร์ม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทำกันอยู่และส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่อชั้นบรรยากาศ สำหรับผม สิ่งสำคัญที่สุดคือเราอยู่บนโลกอันน่าเหลือเชื่อนี้ และไม่เห็นมีโลกใบอื่นอยู่ใกล้ ๆ และที่อยู่กับเราก็คือเจ้าสัตว์เหล่านี้ เราทุกคนมีโอกาสในชีวิตที่จะอยู่รอดและผมก็ชอบความคิดที่ว่า ให้สัตว์เหล่านั้นมีโอกาสด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ผมคิดได้แล้วแต่ตอนที่เติบโตขึ้นผมไม่เคยมองอะไรแบบนี้ เนื้อสัตว์สำหรับผมเป็นอะไรสักอย่างที่มาจากซูเปอร์มาร์เก็ต อยู่ในหีบห่อสะอาดสะอ้านไม่มีอะไรที่ทำให้นึกถึงสัตว์แม้แต่น้อย ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่คิดแบบนั้น

 

โกลด์เบิร์ก: แต่คุณเลี้ยงลูก ๆ ต่างไปมากใช่ไหมคะ ตอนนี้สเตลลาลูกสาวของคุณ ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ในเสื้อผ้าที่เธอออกแบบเลย

แมกคาร์ตนีย์: ใช่ครับ ลูก ๆ ของผมเจ๋งมาก พวกเขาเป็นมังสวิรัติด้วยทางเลือกที่ว่า ถ้าอยากเปลี่ยนใจก็ทำได้ แต่พวกเขาไม่เคยอยากเปลี่ยนเลย และตอนนี้ เขาก็เลี้ยงลูกให้เป็นมังสวิรัติแล้ว ทั้งครอบครัวเราก็เลยเป็น และไม่มีใครดูเป็นทุกข์ร้อนอะไร

 

โกลด์เบิร์ก: ถึงอย่างนั้น หลายแห่งในโลกก็ยังมีคนทำปศุสัตว์เลี้ยงชีพอยู่นะคะ แม้จะมีหมู แพะหรือวัวแค่ตัวเดียว ก็ยังเป็นหนทางให้พ้นจากความยากจนได้

แมกคาร์ตนีย์: ผมไม่คิดว่าแบบนั้นจะเป็นปัญหาครับ ผมคิดว่าการผลิตจำนวนมากต่างหากที่ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ บางบริษัทมีสัตว์เป็นล้าน ๆ ตัวที่ต้องอยู่อย่างแออัดในสภาพที่โหดร้ายจริง ๆ

 

โกลด์เบิร์ก: ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้คะ และทำไมต้องเป็นตอนนี้

แมกคาร์ตนีย์: เป็นเรื่องส่วนตัวครับ ผมสนับสนุนเรื่องอื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน แต่เรื่องนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นวิถีชีวิตของผม และผมชอบความคิดการรณรงค์นี้ เพราะผมจะได้บอกกับใคร ๆ ว่า “ลองดูสิครับ”

บทสัมภาษณ์ได้รับการเรียบเรียงเพื่อความกระชับและชัดเจน

แมกคาร์ตนีย์บอกว่า แรงบันดาลใจของเพลง “Lady Madonna” มาจากภาพถ่ายภาพนี้ซึ่งเขาเห็นใน เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับเดือนมกราคม 1965 “ผมรักเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ครับ และรักมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก” เขาเล่าให้ฟังระหว่างการสัมภาษณ์ “แต่มีอยู่ฉบับหนึ่งที่ผมเห็นในทศวรรษ 1960 เป็นภาพผู้หญิง…เธอดูภาคภูมิใจมาก และมีความเป็นพระแม่มารีย์แบบหนึ่ง เป็นแม่กับลูก“บางครั้งคุณเห็นภาพของบรรดาแม่ ๆแล้วบอกว่า ‘เธอเป็นแม่ที่ดี’ คุณแค่บอกได้ว่า มันมีสายสัมพันธ์อยู่ครับ”

 

อ่านเพิ่มเติม

มุมมองเปลี่ยนโลก : คุยกับประธานาธิบดีโคลอมเบีย

Recommend